การกินยาคุมฉุกเฉิน: วิธีใช้และประสิทธิภาพ

ยาคุมฉุกเฉิน (Emergency Contraceptive Pill) เป็นวิธีป้องกันการตั้งครรภ์ที่ใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น หลังการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกัน การใช้ถุงยางอนามัยที่ผิดพลาด หรือการลืมกินยาคุมกำเนิดปกติ ยาคุมฉุกเฉินไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้เป็นประจำ และการใช้อย่างถูกต้องจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้

ชนิดของยาคุมฉุกเฉิน

การกินยาคุมฉุกเฉิน ยาคุมฉุกเฉินมีอยู่ 2 ชนิดหลัก ได้แก่:

  1. ยาเม็ดฮอร์โมนโปรเจสตินสูง (Levonorgestrel): 

   – ชนิดนี้ได้รับความนิยมและหาซื้อได้ง่าย

   – ตัวอย่างชื่อทางการค้า เช่น Postinor-2

   – มีประสิทธิภาพสูงสุดหากทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังการมีเพศสัมพันธ์

 

  1. ยาเม็ดฮอร์โมนโปรเจสตินและเอสโตรเจน (Yuzpe regimen):

   – ประกอบด้วยฮอร์โมนในปริมาณที่สูงกว่า และอาจมีผลข้างเคียงมากกว่า

   – ใช้น้อยลงในปัจจุบัน

 

วิธีการกินยาคุมฉุกเฉิน

  1. ยาเม็ดฮอร์โมนโปรเจสตินสูง (Levonorgestrel):

   – ในแผงยามี 2 เม็ด ให้กินเม็ดแรกโดยเร็วที่สุดหลังการมีเพศสัมพันธ์

   – เม็ดที่สองกินหลังจากเม็ดแรก 12 ชั่วโมง

   – บางผลิตภัณฑ์สามารถกินทั้ง 2 เม็ดพร้อมกันได้ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในเอกสารกำกับยา

 

  1. ยาเม็ดฮอร์โมนโปรเจสตินและเอสโตรเจน:

   – กินตามลำดับที่ระบุในแผงยา   

  – แนะนำให้กินยาเม็ดแรกโดยเร็วที่สุด และเม็ดที่สองใน 12 ชั่วโมงถัดมา

 

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการกินยาคุมฉุกเฉิน

ยาคุมฉุกเฉินควรถูกใช้โดยเร็วที่สุดหลังการมีเพศสัมพันธ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ:

– ช่วง 24 ชั่วโมงแรก: มีประสิทธิภาพสูงสุด (ประมาณ 95%)

– ช่วง 48-72 ชั่วโมง:ประสิทธิภาพลดลง (ประมาณ 85%)

– หลัง 72 ชั่วโมง: ยังคงใช้ได้บางกรณี แต่ประสิทธิภาพลดลงอย่างมาก

 

ข้อควรระวัง

  1. ไม่ควรใช้บ่อยเกินไป: ยาคุมฉุกเฉินมีปริมาณฮอร์โมนสูง อาจส่งผลต่อสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย หากใช้บ่อยอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น ประจำเดือนมาผิดปกติ
  2. ผลข้างเคียง: อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียน หรือปวดหัว หากอาเจียนภายใน 2 ชั่วโมงหลังทานยา ควรทานยาใหม่อีกครั้ง
  3. ไม่มีผลคุมกำเนิดในอนาคต: ยาคุมฉุกเฉินไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์จากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งถัดไปได้ ควรใช้วิธีป้องกันเพิ่มเติม เช่น ถุงยางอนามัย

 

ข้อจำกัดของยาคุมฉุกเฉิน

– ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STDs): ยาคุมฉุกเฉินไม่มีผลในการป้องกันโรคทางเพศสัมพันธ์

– ไม่เหมาะสำหรับใช้แทนยาคุมกำเนิดปกติ: การใช้ยาคุมกำเนิดประจำ เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิดหรือถุงยางอนามัย เป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงกว่า

– อาจมีข้อจำกัดด้านสุขภาพ: หากมีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูงหรือปัญหาเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้

ยาคุมฉุกเฉินเป็นทางเลือกสำหรับป้องกันการตั้งครรภ์ในกรณีฉุกเฉิน โดยควรใช้ภายใน 72 ชั่วโมงหลังการมีเพศสัมพันธ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด การใช้อย่างถูกต้องและไม่บ่อยเกินไปช่วยลดผลกระทบต่อสุขภาพ หากมีข้อสงสัยหรือผลข้างเคียง ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อความปลอดภัยและมั่นใจในวิธีการป้องกันที่เหมาะสม.

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย      หวยดี